สำหรับผู้ใช้อินเตอร์เน็ตทั่วโลก เมื่อ FBI ประกาศแจ้งเตือนผู้ใช้เน็ต หลังพบไวรัสที่ติดอยู่ในคอมพิวเตอร์บนเครื่องของเหยื่อที่ไม่รู้ตัวมากกว่า 3.5แสนเครื่อง ซึ่งหากผู้ใช้เน็ตติดไวรัสมัลแวร์ที่ชื่อว่า DNS Changer นี้จะไม่สามารถเข้าสู่เวปไซต์ที่ต้องการได้ แม้จะพิมพ์ URL ถูกก็ตาม FBI ได้ให้ความช่วยเหลือแก้ไขปัญหามาระยะหนึ่ง แต่ตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป ผู้ใช้บางส่วนอาจจะต้องตัวใครตัวมัน….
มัลแวร์ที่ว่านี้มีชื่อว่า DNS Changer เข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วโลกผ่านทางออนไลน์หรืออินเตอร์เน็ตนี่เอง โดยจะป่วนกับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่ท่องโลกอินเตอร์เน็ต บนเครื่องที่ติดไวรัส DNS Changer ด้วยการพาผู้ใช้เข้าไปเว็บไซต์ปลอม หรือเวปไซต์อื่นที่ไม่ใช่เวปที่ผู้ใช้ต้องการ แม้ว่าผู้ใช้เน็ตที่เป็นเหยื่อจะพิมพ์ที่อยู่ url อย่างถูกต้องก็ตาม เช่น แม้เข้าไปเว็บไซต์ gmail.com ถูกต้อง แต่กลับพาไปอีกเว็บนึงที่ไม่ใช่ตามที่ผู้ใช้ตั้งใจ
ก่อนหน้านี้ FBI ได้เข้าไปช่วยแก้ปัญหามาระยะหนึ่งโดยเข้าไปปิด botnet ที่เป็นเครือข่ายของผู้ไม่หวังดีนี้บางส่วนแล้วตั้งค่า DNS ใหม่ให้ถูกต้องเป็นการแก้ไขเฉพาะหน้า จึงทำให้ผู้ใช้บางส่วนที่แม้จะติดมัลแวร์ DNS Changer ก็ยังคงใช้งานเข้าเน็ตได้ตามปกติ แต่หลังจากวันที่ 9 กรกฎาคม 2012 เป็นต้นไป ทาง FBI จะปิด server ที่คอยให้การช่วยเหลือนี้แล้ว ส่งผลให้ผู้ใช้บางส่วนที่ติด DNS Changer นี้ จะได้รับผลกระทบจากการโจมตีของมัลแวร์ตัวนี้แล้ว เพราะเครื่องที่ติดมัลแวร์ตัวนี้ ก็จะยังคงติดอยู่หากไม่ได้มีการ remove ออกไป หรือไม่ได้รับการแก้ไข
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเครื่องเราติดไวรัส DNS Changer ด้วยหรือเปล่า ?
สามารถตรวจสอบได้ที่
http://www.dns-ok.us/ หากพบว่า ภาพนี้เป็นสีเขียว แสดงว่า DNS ของคุณปลอดภัย แต่ถ้าเป็นสีแดงแสดงว่าตกเป็นเหยื่อของไวรัส ซึ่งส่งผลให้วันที่ 9 กรกฎาคมนี้จะใช้เน็ตไม่ได้ ต้องรีบแก้ไขโดยลบมัลแวร์ตัวร้ายนี้ออกจากเครื่องเท่านั้น รายละเอียดการแก้ไขสามารถชมได้ที่เว็บไซต์
http://www.dcwg.org/detect/
ทางแก้ไขหากติดมัลแวร์ DNS Changer