คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ

วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2555

The new iPad 3


การออกแบบตัวเครื่อง ของ iPad 3 (The new iPad)
หน้าจอแบบ Retina Display ชัดขึ้น อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
สำหรับใครที่เคยคิดว่า ไอแพด 2 (iPad 2) ก็ชัดอยู่แล้ว ดีอยู่แล้ว อาจจะต้องเปลี่ยนใจ เมื่อเจอ The new iPad (iPad 3) ครับ เนื่องจาก The new iPad (iPad 3) ใช้หน้าจอแบบ Retina Display ที่มีความละเอียดมากกว่าบน ไอแพด 2 (iPad 2) ถึง 4 เท่า ทำให้ The new iPad (iPad 3) มีระดับความละเอียดของหน้าจออยู่ที่ 2048 x 1536 พิกเซล ความหนาแน่นพิกเซลที่ 264 ppi ให้สีที่คมชัดขึ้น 44% ซึ่งละเอียดกว่า ความละเอียดระดับ HDTV เสียอีก และทำให้มุมมองของภาพกว้างขึ้นอีกด้วยครับ
เปรียบเทียบ ความละเอียดบน The new iPad (iPad 3) กับ HDTV
ชิป Apple A5X พร้อมหน่วยประมวลผลภาพ (GPU) ระดับ Quad-core Processor
The new iPad (iPad 3) ใช้ชิป Apple A5X ซึ่งเป็นชิพเซ็ทแบบ Dual-core Processor ในขณะที่ระบบประมวลผลภาพ หรือ GPU นั้น เป็นชิพเซ็ทระดับ Quad-core Processor ที่สามารถรองรับกราฟฟิค กับหน้าจอความละเอียดแบบ Retina Display ได้เป็นอย่างดี
โดย PowerVR SGX543MP4 GPU บน The new iPad (iPad 3) นั้น มีประสิทธิภาพในการประมวลผลเร็วกว่าบน ไอแพด 2 (iPad 2) ถึง 4 เท่าเลยทีเดียว
แบตเตอรี่ รองรับการใช้งานได้ 10 ชั่วโมงเท่าเดิม
ไม่น่าเชื่อว่า ด้วยคุณสมบัติที่เหลือล้นของ The new iPad (iPad 3) ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอแบบ Retina Display และ GPU ระดับ Quad-core Processor จะสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 10 ชั่วโมงเท่าเดิม แต่ถ้าหากใช้งานผ่านเครือข่าย 4G จะใช้งานได้ประมาณ 9 ชั่วโมงครับ
กล้องด้านหลัง ละเอียดขึ้น 5 ล้านพิกเซล
The new iPad (iPad 3) น่าจะถูกใจคนที่ชื่นชอบการถ่ายรูปกันอย่างแน่นอนครับ จาก ไอแพด 2 (iPad 2) ที่มีกล้องละเอียดเพียง 0.7 ล้านพิกเซล กลายเป็น The new iPad (iPad 3) ที่มีกล้องด้านหลัง ความละเอียดถึง 5 ล้านพิกเซล ที่มีชื่อว่า iSight Camera เรียกได้ว่า หน้าจอชัดยังไม่พอ รูปถ่ายที่ได้ ยังคมชัดอีกด้วยครับ
สำหรับเลนส์บน The new iPad (iPad 3) นี้ เป็นเซ็นเซอร์แบบ Backside illumination sensor ที่ให้ภาพที่คมชัด แม้ว่าจะอยู่ในสภาวะแสงจ้า หรือแสงน้อยก็ตาม โดยเลนส์ที่ใช้ประกอบนั้น เป็นเลนส์ทั้งหมด 5 ชิ้นครับ (five-element lens) ประกอบออกมาเป็นเลนส์ 1 ชุด และมีขนาดรูรับแสงกว้างที่ ƒ/2.4 พร้อม Hybrid IR Filter สำหรับการกรองคลื่นแสงอินฟราเรด ทำให้ถ่ายภาพได้สีสดมากขึ้น โดยสามารถพบได้ทั่วไปตามกล้อง DSLR อยู่แล้ว
ส่วนการถ่ายภาพวิดีโอ สามารถบันทึกได้ขนาดสูงสุดที่ Full HD 1080p ครับ
รองรับ Smart Cover
ใครที่มี Smart Cover อยุ่แล้ว ไม่ต้องเสียดายครับ เพราะ Smart Cover บน ไอแพด 2 (iPad 2) นั้น สามารถใช้กับ The new iPad (iPad 3) ได้เช่นกัน

ความสามารถใหม่ของ iPad 3 (The new iPad)
รองรับเครือข่าย 4G LTE
เพิ่มประสิทธิภาพในการท่องโลกอินเทอร์เน็ตได้เร็วขึ้น ด้วยคุณสมบัติในการรองรับเครือข่าย 4G LTE ที่สามารถดาวน์โหลดได้เร็วถึง 73 Mbps เลยทีเดียวครับ นอกจากนี้ The new iPad (iPad 3) ยังรองรับเครือข่าย GSM/UMTS ที่สามารถใช้งานได้ทั่วโลกอีกด้วย
สามารถเป็น Hotspot ได้แล้ว
อีกหนึ่งความสามารถ ที่ใครหลายๆ คนต้องการ เพราะในที่สุด The new iPad (iPad 3) ก็สามารถใช้เป็น Personal hotspot ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ โดยสามารถเชื่อมต่อได้สูงสุดถึง 5 อุปกรณ์ด้วยกัน ผ่านทาง Wi-Fi, Bluetooth หรือ USB
มี Dictation ในตัว
ถ้าหากใครที่ใช้ ไอโฟน 4S (iPhone 4S) มาแล้ว คงจะรู้จักฟังก์ชั่น Dictation กันเป็นอย่างดี โดย Dictation นี้ จะทำหน้าที่พิมพ์แทนเรา เพียงแค่พูดครับ ซึ่งวิธีการใช้งานก็ง่ายๆ อยากให้ The new iPad (iPad 3) พิมพ์คำว่าอะไร ก็กดปุ่ม Dictation แล้วพูด ระบบจะทำการพิมพ์ให้เราโดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นวิธีการที่สะดวก และปลอดภัยอย่างมาก ถ้าหากใช้งานขณะขับรถอยู่ครับ
โดย Dictation สามารถรองรับได้ 6 ภาษา นั่นก็คือ ภาษาอังกฤษ (สหรัฐอเมริกา), ภาษาอังกฤษ (สหราชอาณาจักร),​ภาษาอังกฤษ (ออสเตรเลีย), ภาษาฝรั่งเศส, ภาษาเยอรมัน และภาษาใหม่ ภาษาญี่ปุ่นครับ

แอพพลิเคชั่นใหม่ บน iPad 3 (The new iPad)
iPhoto
จากโปรแกรมยอดฮิตบน Mac ได้มาสู่ The new iPad (iPad 3) เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ กับ iPhoto หรือโปรแกรมจัดการภาพถ่าย ที่สามารถจัดการกับภาพถ่ายได้อย่างง่ายดาย และเป็นหมวดหมู่ สามารถเลือกภาพมาเปรียบเทียบกันได้ หรือตั้งเป็น favourite ก็สามารถทำได้ง่ายๆ แค่ปลายนิ้วสัมผัสครับ
นอกจากนี้ iPhoto ยังสามารถแก้ไขภาพถ่ายได้ง่ายๆ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้าน Photoshop ครับ อยากปรับสีจุดไหน อยากแก้ไขภาพตรงไหน ก็แค่แตะ แล้วลากขึ้นลงตามใจชอบ
ภาพถ่ายธรรมดาๆ คงจะดูเชยไปแล้ว มาเพิ่มลูกเล่นให้กับภาพถ่าย ด้วยเอฟเฟกซ์บน iPhoto กันครับ
ปิดท้ายการตกแต่งภาพขั้นตอนสุดท้าย ด้วย Brushes สำหรับการแต่งภาพเฉพาะจุด เช่น อยากให้ภาพสว่างขึ้น คมชัดชึ้น หรือมืดลง หรือให้ภาพมีลักษณะนวล เลือก Brushes ที่ต้องการ แล้วปาดลงไปบนจุดที่ต้องการจะแก้ไขครับ
เมื่อเราทำการตกแต่งภาพถ่าย ด้วย iPhoto เสร็จเรียบร้อยแล้ว เรามาสร้างเรื่องราวให้กับภาพต่างๆ เหล่านี้ ด้วย Photo Journals ครับ ง่ายๆ เพียงแค่เลือกกลุ่มภาพที่ต้องการจะสร้าง จากนั้น iPhoto จะทำการ จัดการเรียงภาพต่างๆ เหล่านี้ให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งเราสามารถเคลื่อนย้ายภาพได้ตามใจชอบ พร้อมกับเพิ่มในส่วนของ Maps, ปฏิิทิน และสภาพอากาศได้ เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถอัพโหลดขึ้นแชร์บน Facebook, Twitter, Flickr หรือจะส่งเป็นอีเมล ไว้อวดเพื่อนๆ ได้เลยทันทีอีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น